170 Views Report Error
ท่ามกลางความแตกแยก ในที่สุด สติลแมนก็คิดวิธีสร้างไทม์แมชชีนได้ สติลแมนและอีวานเดินทางย้อนเวลากลับไปในวันที่สติลแมนและเด็บบี้พบกัน สติลแมนวางแผนที่จะทำสิ่งต่าง ๆ และจะรู้ว่าแผนนั้นได้ผลหรือไม่หากข้อความสุดท้ายที่เด็บบี้ส่งไปหายไป จากนั้นอีวานและสติลแมนก็เดินทางไปดูหนังกับอีวาน สติลแมน เด็บบี้ คาร์ลีและไรอัน สติลแมนแสดงภาพยนตร์เรื่องโปรดให้พวกเขาดู แต่พวกเขาไม่ชอบและเยาะเย้ยภาพยนตร์เรื่องนี้ สติลแมนไม่พอใจและดูถูกคาร์ลี พวกเขาย้อนเวลากลับไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อสถานการณ์ผิดพลาด ในที่สุด สติลแมนก็สร้างสถานการณ์ในแบบที่เขาต้องการ ซึ่งเด็บบี้มองเขาด้วยความรัก ต่อมา พวกเขานั่งอยู่ที่บ้านของ Evan ซึ่ง Evan พยายามฝากข้อความถึงตัวเขาเองในอนาคต เพื่อที่เขาจะได้ไม่พลาดและเขาสามารถเรียนจบได้พวกเขาไปที่อื่นในอาคารที่ควรจะจัดปาร์ตี้ อีวานขึ้นลิฟต์ขณะที่เด็บบีและสติลแมนขึ้นบันไดไปบนหลังคา แต่ไม่มีปาร์ตี้และไม่มีใครอื่น ประตูปิดตามหลังพวกเขาและพวกเขาถูกล็อก เด็บบีเริ่มตื่นตระหนกแต่สติลแมนไขประตูอย่างง่ายดาย ทำให้เด็บบี้ประทับใจสติลแมนหวนนึกถึงช่วงเวลาหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพวกเขากลับมาอีกหลายครั้งเพื่อพยายามหยุดการเลิกรา อีวานพบผู้หญิงคนหนึ่งและเครื่องค้าง ปล่อยให้ทั้งสองติดอยู่ ต่อมาสติลแมนยอมรับกับเด็บบีว่าเขาไม่ชอบไรอัน ไทม์แมชชีนได้รับการแก้ไขในที่สุด แต่อนุญาตให้เดินทางข้ามเวลาไปข้างหน้าเท่านั้น ดังนั้นสติลแมนจึงต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง สติลแมนและเด็บบีไปงานปาร์ตี้ในแคมป์ซึ่งสติลแมนสามารถทำให้เด็บบี้มีความสุขได้ เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น สติลแมนพบว่าข้อความหายไปและเด็บบี้ไม่เลิกกับเขาอีกต่อไป Evan และ Stilman กลับสู่เวลาปัจจุบัน ดูหนังตลก
พลอตย้อนเวลากับเรื่องรักโรแมนติกไม่ได้เป็นสิ่งแปลกใหม่ เพราะมันเคยถูกสร้างเป็นหนังดังๆมากมายอย่าง Somewhere in Time (1980) หรือทวิภพฝรั่งที่เคยทำให้รุ่นพ่อรุ่นแม่เราเคลิ้มมาแล้ว หรือกระทั่งหนังโรแมนติกจากอังกฤษ About Time (2013) (เจ้าของเดียวกับ Love Actually (2003)) ที่ประทับใจใครหลายคนเมื่อไม่นาน และสำหรับ Time Freak ก็มีต้นธารมาจากหนังสั้นระดับชิงรางวัลออสการ์จากปี 2011 ของผู้กำกับ แอนดรู โบว์เลอร์ เองที่ใช้เวลาถึง 7 ปีกว่าหนังฉบับยาวจะได้ออกฉายในวันนี้ โดยขยายพลอตจากแค่การเดินทางย้อนเวลาไปเมื่อวานเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดในชีวิตหนุ่มเนิร์ดฟิสิกส์กลายเป็นการเดินทางเพื่อรักษาความสัมพันธ์ แถมได้นักแสดงดาวรุ่งทั้ง อาซา บัตเตอร์ฟิลด์ จาก Ender’s Game (2013) และ The Space Between Us (2017) มาประกบคู่กับ โซเฟีย เทอร์เนอร์ จากซีรีส์ Game of Thrones และกำลังจะมีหนัง Dark Phoenix ออกฉายปี 2019 มาเป็นดาราเรียกแขก พ่วงด้วย สกายเลอร์ กีซอนโด ที่มีชื่อมาจาก Santa Clarita’s Diet ซีรีส์ของ Netflix ในบทตัวฮาของเรื่อง
ประเภท- ไซไฟ/โรแมนติก
ผู้กำกับ-แอนดรูว์ โบว์เลอร์
วันออกฉาย- 7 พฤศจิกายน 2561
นักแสดง- อาซา บัตเตอร์ฟิลด์
ความยาว- 1 ชม. 44 นาที